ไม่อยากจะพูดเลยว่าทริปนี้เป็นทริปที่เร่งด่วนมากๆ มากับคุณนุช 2 คน กะว่าจะมาดูของเซลล์ที่ฮ่องกง จริงๆ แพลนล่วงหน้าไว้พักใหญ่แล้ว แต่กะว่าจะไปกันช่วง กรกฎา แต่แผนเปลี่ยน เลยต้องมากันช่วง พค. คราวนี้ความทุลักทุเลก็เลยเกิดขึ้นค่า มาติดตามวิถี Hipster ในการตะลุยมั่วฮ่องกงเอง ครั้งแรกของเรากันนะคะ
รูปในบล็อคนี้จะดูขมุกขมัว หมอกๆ หน่อยนะคะ อยากเป็นฮิปสเตอร์ ฮาๆๆ
นั่ง Aisasia กันไป จองตั๋วพร้อมข้าว พร้อม Hotseat และบวกกระเป๋า ตกราวๆ คนละ 9600 (บอกแล้วว่าพี่นี่ฮิปสเตอร์มาก ตั๋วถูก ตั๋วโปรไม่เคยได้กับเค้า)
ได้เจอพี่เอกนั่งข้างๆ เป็นคนไทยที่มีบ้านอยู่ฮ่องกง ก็เลยช่วยแนะนำเกี่ยวกับการเดินทาง และอาหารการกินในฮ่องกงให้ (โรงแรมก็เป็นแบบไม่รวมมื้อเช้า ราคาคืนละประมาณ 2400 บาท)
โณงแรม Best Wester Grand ที่จิมซาจุ่ย เป็นโรงแรมในย่านที่เรียกว่าเดินออกมาก็เป็นแหล่งช็อป เส้นถนนนาธาน และก็อยู่ใกล้ MTR สถานี Jordan
คุณนุชจองโรงแรม รถรับส่ง และซื้อตั๋วดิสนีย์ ผ่านทาง Hongkong Fanclub พอไปถึงสนามบินฮ่องกง เราก็ไปเจอกับคนรอรับ ถือป้าย Hongkong Fanclub และเค้าจะพาไปรอขึ้นรถบัสที่จะไปส่งที่โรงแรม เราก็ตามไป
พอไปถึงที่โรงแรมเราก็ต้องไป Register ก่อน เพราะว่ายังไม่ให้เช็คอินจนกว่าจะบ่าย2 (ตอนที่เราไปถึงก็ราวๆ เที่ยง) เลยไปรีจิส และก็ฝากกระเป๋าเอาไว้ ก่อนจะออกมาหาอะไรทาน และก็ช็อปปิ้ง
เดินออกมาตามทางซอยหลังโรงแรม (ด้านหน้าชั้น2 ) จะเป็นโซนร้านเกาหลี เดินมาก็จะมีพวกร้านอาหารอยู่ประปราย แต่ก็ยังไม่ค่อยเปิด (มารู้ทีหลังว่าเปิดเย็นๆ ดึกๆ)
พอมาถึงหัวมุมถนน (ตรงข้ามร้าน Super Dry) คุณนุชบอกว่าร้านนี้ไง ลูกชิ้นเผ็ดๆ เห็นในหนังสือเที่ยวฮ่องกง เลยแวะซื้อทานรองท้องไม้นึง … ไม่โออย่างแรง ฮาๆๆ เค็มปี๋เลย ลูกชิ้นก็เหนียวแป้งๆ สรุปไม่ชอบฮะ ไม้นี้ 9$ ละมั้ง
ถัดมานิดนึงจะมีร้านขายน้ำมะม่วงอยู่ เป็นที่รู้กันว่าน้ำมะม่วงที่นี่ฮิตมาก รสชาติโอเคเลย เราก็ไปสั่ง ชี้ๆ สั่งมาแก้วนึงทานสองคน ไม่ได้งกนะ แต่มันเยอะอยากทานแค่นิดๆ (จริงๆ หารกันก็คุ้มอ่ะ ฮ่าๆๆ)
คนขายพูดฟังยากมาก นางถามว่า takeaway? ก็ตอบๆ ไป ซักพักก็อธิบายอะไรไม่รู้ฟังไม่ออก เราถามว่า sorry say again? นางตอบ never mind byebye
งงสิครับ .. มาบ้ายบายอะไรยังไม่ได้ของเลย เลยนั่งที่เก้าอี้รอของมา พักนึงนางก็เดินไปหยิบแก้วมาให้จากหลังร้านแล้วก็บอกว่า บ๊ายบาย เรากับคณนุชก็แบบ เออบายตลอดเลยเนอะ
เราก็นั่งทานซักพัก นางก็เดินมาที่โต๊ะ แล้วบอกว่า takeaway cannot sit, ok byebye ….ผมนี้ถึงกับลั่นครับ อ่ออออ นางบ้ายบายคือไล่นี่เอง สั่งกลับบ้านห้ามนั่งนะคะ (เพิ่งจะรู้ธรรมเนียม)
แล้วก็เดินๆๆ จามถนนใหญ่ไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย .. แต่เอ๊ะ ป้ายร้าน Sasa คุ้นตาจังเลยยยย ขอแวะหน่อยน้า
ก็เป็นธรรมเนียมว่าทุกครั้งที่แวะฮ่องกงก็ต้องแวะ sasa /colormix/bonjour ร้านรวมเครื่องสำอางนั่นเอง
ถามว่าราคาถูกมั้ย ต้องตอบว่าถูกบ้างแพงบ้างปนๆ กันไป แต่ก็มีของเยอะทั้งของไต้หวัน ของญี่ปุ่น เกาหลี
ผมนี่ก็สอยกันหน้ามืด ไม่ได้นับเลยว่ากี่บาทๆ ใส่ตะกร้าอย่างเดียวเลยค่าาา ตอนนี้ก็มีโปรลดราคาอยู่ด้วย และก็ได้ทำบัตร VIP ลด 5-10%
ถ้าใครไปฮ่องกงซื้อ sasa ก็ลองถามพนักงานดูว่าใช้บัตรตูนน์เป็นส่วนลดได้มั้ยนะคะ
พอออกจากร้านก็เดินเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ ดูทางไว้ว่ามีอะไรบ้าง ก็เจอฝนโปรยปราย เลยต้องวิ่งเข้าตึกสวยๆ ชิลๆ แบบฮิปสเตอร์ ฮาๆๆ
ไปเจอร้านกาแฟ เลยแวะนั่งพักทานกาแฟซักนิด
รสชาติพอได้ แต่ใสไปนิด ติดรสนมเยอะไปหน่อย
แล้วพอฝนซา ก็เริ่มเดินกลับโรงแรมไปเช็คอินเอากระเป๋าเข้าทีพัก ล้างหน้าล้างตากันซักหน่อย
กระจายของที่สอยจาก sasa มานั่งคำนวณเงิน .. ลมแทบจับค่า ฮาๆๆ ราวๆ 1800 $ Hipster พอมั้ยยยย
ล้างหน้าล้างตาเก็บของกันเสร็จ ก็ออกมาหาอะไรทานกัน ข้างๆ โรงแรมนี่ล่ะ เป็นร้านอาหารจีน เห็นเป็ดแขวนๆ หมูแขวนๆ ก็เลยแวะเข้า ราคาก็แพงเอาการ 62$ ซึ่งถ้าทำการบ้านมาดีๆ หากินแบบชาวบ้านๆ 28-48$ ก็เอาอยู่แล้ว
แต่ช่วยไม่ได้นะ ก็ไม่ได้ศึกษาอะไรมาเลย เจออะไรก็กินๆ เข้าไป แต่หมูกรอบ กับ บะหมี่ก็อร่อยดีนะ จานใหญ่อยู่เหมือนกัน (ทานไม่หมดด้วย)
ร้านนี้มีเมนูภาษาอังกฤษ ต้องขอเค้า แต่ก็ต้องชี้เอา เพราะเค้าก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง
เอาล่ะทานเสร็จแล้ว ถึงเวลา Free time ก็รีบจัดแจงเดินลงไปที่ MTR เพื่อไปซื้อบัตร Octopus ซึ่งเป็นเหมือนเจ้าบัตรแรบบิทบ้านเรานั่นล่ะค่า เอาไว้เติมเงินเดินทาง สามารถเติมเงินและซื้อของในเซเว่นได้ (แต่ทริปนี้ไม่ได้ลองเลย)
ราคาบัตร 150$ เป็นค่ามัดจำ 50$ มีเงินในบัตร 100$
ทีนี้ก็สบายแล้วมีบัตรรถใต้ดินแล้ว จะไปไหนก็สะดวกสุดๆ เรื่องของการดูแผนที่ก็ไม่ยากเลย มันค่อนข้างชัดเจน เอาเป็นว่าขนาดคนที่เรียกว่าโง่เส้นทางอย่างตูนน์ยังเข้าใจได้ คนอื่นก็สบายแล้วล่ะ ฮาๆๆ ตูนน์ไม่เคยศึกษาอะไรเกี่ยวกับฮ่องกงเลย มาหลายครั้งแต่ส่วนใหญ่ก็มีทัวร์พามา เวลาเข้าเมืองก็ติดคนอื่นที่รู้เส้นทางมา
ทริปนี้เลยนับว่าเป็นการเรียนรู้ที่ดีมากๆ Hipsterอีกแล้ว ก๊ากกก เอาล่ะ เราก็นั่ง1 สถานีจาก Jordan มาลงที่ Yao ma tei ซึ่งเป็นถิ่นของตึก In’s Point อันนี้เปิดดูในหนังสือท่องเที่ยวเค้าจะมีแนะนำไว้ เป็นตึกเกี่ยวกับพวกของเล่นโมเดล ฟิกเกอร์ ของสะสมต่างๆ
ของเล่นเยอะมาก ตูนน์ซื้อฟิกเกอร์การ์ตูนแอนนิเมะที่ชอบมาตัวนึง 568$ ถูกกว่าไทยประมาณ 1000 บาท แต่ของแบบนี้ก็ต้องดูเป็นนะคะว่าของแท้หรือปลอม เพราะบางร้านมีของปลอมขายด้วย (แต่ด้วยราคาที่ไม่แพง ก็เลยดูง่ายว่าปลอม)
สอย ริกะ จากเรื่องจูนิเบียวมา 1/7
ตอนเย็นมีนัดเจอเพื่อนฮ่องกง ที่เคยต้อนรับตอนมาดิสนีย์แลนด์ครั้งแรก พามาเลี้ยงปิ้งย่างเกาหลีใกล้ๆ โรงแรม มื้อนี้เพื่อนเลี้ยงเลยประหยัดไปได้มื้อนึง แฮ่ๆ ไม่งั้นเราก็คงกินกันคนละ 60+$ แถวๆ โรงแรมละมั้ง
พอกลับถึงโรงแรมก็เตรียมตัวนอน เตรียมพร้อมตะลุยกันวันที่ 2 ค้าบบบ
Popularity: 15% [?]
Comments
Powered by Facebook Comments
One thought on “วิถี Hipster เที่ยวฮ่องกงแบบ กินแพง นอนแพง ช็อปแพง เพราะไม่เตรียมตัว”